กทพ. หนุนปูนลดโลกร้อน จับมือ TCMA เดินหน้า ‘MISSION 2023’ เริ่ม 2 โครงการพาไทยลดก๊าซเรือนกระจกสำเร็จล้านตัน ในสิ้นปี 2566

25 เมษายน 2566: การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) จัดลงนามบันทึกความเข้าใจ กับ สมาคม-อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) ขับเคลื่อน ‘MISSION 2023’ ส่งเสริมใช้ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิกทุกการก่อสร้างเครือข่ายระบบทางพิเศษ นำร่อง 2 โครงการทางพิเศษ ตั้งเป้าลดก๊าซเรือนกระจก 34,104 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ สนับสนุน Thailand Net Zero สู้วิกฤตเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) อย่างยั่งยืน

นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กล่าวว่า กทพ. เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงคมนาคม ตระหนักและให้ความสำคัญต่อปัญหาด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมาอย่างต่อเนื่อง มีการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับความปลอดภัยของผู้ใช้ทางพิเศษ ด้วยมาตรฐานระบบจัดการสิ่งแวดล้อม ISO 14001 พร้อมนำแนวทาง Environment-Social-Governance (ESG) รวมถึงการลงทุนสีเขียว (Green Investment) การจัดซื้อจัดจ้างสีเขียว (Green Procurement) มาใช้ในกระบวนการทำงาน เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินงานต่อสู้ปัญหาวิกฤติสภาพภูมิอากาศ สอดคล้องกับนโยบาย “ระบบคมนาคมสีเขียว” ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทย ระยะ 20 ปี พ.ศ. 2560 – 2579 ของกระทรวงคมนาคม รวมทั้งเป็นการสนองตอบต่อนโยบายสำคัญของประเทศด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตามที่ได้ให้คำมั่นในการประชุมระดับผู้นำ COP 26

“กทพ. พร้อม Act Fast และ Act Now สนับสนุนนโยบายภาครัฐขับเคลื่อน Climate Action มุ่งสู่ Net Zero GHG Emission การบูรณาการความร่วมมือลงนามบันทึกความเข้าใจ ระหว่าง กทพ. และ TCMA ในครั้งนี้ เป็นการร่วมกันขับเคลื่อน ‘MISSION 2023’ ด้วยการส่งเสริมการใช้วัสดุก่อสร้างคาร์บอนต่ำ เรียกว่า “ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก” ในทุกการก่อสร้างเครือข่ายระบบทางพิเศษ ตามมาตรฐานวิศวกรรมงานก่อสร้างที่กำหนด รวมทั้งยกระดับการพัฒนา กทพ. ให้เติบโตอย่างยั่งยืน” นายสุรเชษฐ์ กล่าว

กทพ. ตั้งเป้าหมายเริ่มจาก 2 โครงการ 1) โครงการทางพิเศษฉลองรัชส่วนต่อขยาย (ช่วงจตุโชติ – ถนนลำลูกกา) ระยะทาง 16.21 กิโลเมตร ระยะเวลาก่อสร้าง 3 ปี มูลค่าการลงทุน 24,060.04 ล้านบาท และ 2) โครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ระยะที่ 1 (ตอน N2 ถนนประเสริฐมนูกิจเชื่อมต่อไปยังถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันออก) ระยะทาง 11.3 กิโลเมตร มูลค่าการลงทุน 16,960 ล้านบาท

จากทั้ง 2 โครงการ ประเมินว่า สามารถลดก๊าซเรือนกระจกได้ 34,104 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ (เทียบเท่าปลูกไม้พื้นเมืองเพื่อดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์กว่า 3,500,000 ต้น) นับเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญในความสำเร็จของประเทศไทยด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อบรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจก 1,000,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ ภายในปี 2566 และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน

ดร. ชนะ ภูมี นายกสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย กล่าวว่า สมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) พร้อมสนับสนุนนโยบายภาครัฐ Thailand Net Zero ให้สำเร็จตามเป้าหมาย ความร่วมมือ/
การสนับสนุนจากทุกภาคส่วน รวมถึงการเข้าใจในกลไกการทำงาน และเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน ทั้งในระดับโลก ระดับนโยบายของประเทศ ระดับหน่วยงาน ระดับพื้นที่ และผู้เกี่ยวข้อง นับเป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อความก้าวหน้าและบรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ การขับเคลื่อน ‘MISSION 2023’ นี้ เป็นความตั้งใจร่วมมือกันดำเนินงาน ของภาครัฐ ภาควิชาชีพ ภาคอุตสาหกรรม และภาคการศึกษา ที่มุ่งมั่นให้เกิดผลเชิงประจักษ์ในการลดก๊าซเรือนกระจก ลดโลกร้อน

​การลงนามบันทึกความเข้าใจในวันนี้ สะท้อนถึงความร่วมมือและการผนึกกำลังกันอย่างเข้มแข็งของ กทพ. และ TCMA ในการร่วมกันเดินหน้าสนับสนุนนโยบายลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ในสาขากระบวนการทางอุตสาหกรรมและการใช้ผลิตภัณฑ์ (Industrial Processes and Product Use: IPPU) ให้เกิดผลในทางปฏิบัติ ด้วยการส่งเสริมการใช้วัสดุก่อสร้างประเภทปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก ในทุกโครงการก่อสร้างของ กทพ.

“TCMA มีความยินดีที่ กทพ. ที่เข้ามาร่วมเป็นกำลังสำคัญขับเคลื่อน ‘MISSION 2023’ ให้บรรลุเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจก 1,000,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ ในเวลาที่ตั้งใจกันไว้ ภายในปี 2566 จากนั้น ในวันที่ 1 มกราคม 2567 ประเทศไทยจะก้าวสู่ยุคใหม่ที่ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิกจะเข้ามาเป็นปูนโครงสร้างหลักแทนปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์แบบเดิม” ดร. ชนะ กล่าว