วันที่ 7 กรกฎาคม 2568 กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ร่วมกับ ศูนย์ AFC หอการค้าไทย สมาคมตลาดสดไทย และ 5 ห้างค้าปลีก-ค้าส่งชั้นนำ ประกอบด้วย บมจ.บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ บจก.เซ็นทรัล ฟู้ด โฮลเซลล์ บจก.เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล บมจ.ซีพี แอ็กซ์ตร้า และ บจก.เดอะมอลล์กรุ๊ป จัดงานแถลงข่าว “ความร่วมมือภาครัฐและภาคเอกชนขับเคลื่อน Thai Fruits Festival” เพื่อร่วมกันส่งเสริมการบริโภคและการกระจายผลไม้ไทยภายในประเทศอย่างทั่วถึง พร้อมทั้งสนับสนุนเกษตรกรและผู้ประกอบการไทยในการรับมือกับความท้าทายด้านตลาด ณ ห้อง Activity Hall สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย

นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ผลการจัดกิจกรรมภายใต้มาตรการบริหาร จัดการผลไม้ ปี 2568 ในกิจกรรมกระจายผลไม้ภายใต้โครงการ Thai Fruits Festival 2025 ปริมาณรวมโดยประมาณ 10,000 ต้น ผลไม้คละชนิด อาทิ มะม่วง ลำไย มังคด เงาะ ทุเรียน จากภาคต่าง ๆ ทั้งประเทศ

โดยแบ่งเป็นกิจกรรมหลัก ๆ ได้แก่ กิจกรรมรณรงค์บริโภคผลไม้ “Thai Fruits Festival 2025” ตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาลต่อเนื่องจนถึงช่วงปัจจุบันที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก ร่วมกับพันธมิตรต่าง ๆ ร่วมกับห้างค้าปลีก-ค้าส่ง ได้แก่ ท็อปส์ บิ๊กชี แม็คโคร โลตัส โก-โฮลเซลล์ จำนวน 2,500 ต้น ห้างซูเปอร์ซิบ โดยการสนับสนุนชมรมทายาทห้างค้าปลีก-ค้าส่ง แห่งประเทศไทย รวมถึงกิจกรรมรณรงค์การบริโภคผลไม้ที่ร่วมกับสมาคมการค้าตลาดกลางค้าส่งสินค้าเกษตรไทยจำนวน 3 ตลาด (ตลาดไท ตลาดศรีเมือง ตลาดสี่มุมเมือง) และสมาคมตลาดสดไทย จำนวน 12 ตลาด (ตลาดกิเลน ตลาดเยสบางพลี ตลาดมีนบุรี ตลาดรังสิต ตลาดธันยา ตลาดบางใหญ่ ตลาดคุณยิ้ม ตลาดยอดพิมาม ตลาดถนอมมิตร ตลาดใหม่สำโรง ตลาดโอโซนวัน และตลาดบวรร่มเกล้า) รวมไปถึงกิจกรรมแจกมะม่วงแฟนซีเป็นของสมนาคุณลูกค้า ร่วมกับสถานีบริการนำมันเชื้อเพลิง 4 สถานี (พีที พีทีที บางจาก ซัสโก้) 1,097 สาขา ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล จำนวน 2,000 ตัน และเชื่อมโยงผลไม้จำหน่ายงานธงฟ้าในส่วนภูมิภาคผ่านรถโมบายพาณิชย์ ในพื้นที่กรุงเทพฯ 30 จุด การซื้อผลไม้ของหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ ธนาคาร บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และบริษัทขนาดใหญ่ ช่วยรับชื้อผ่าน Pre-Order และกิจกรรมเพื่อสังคม CSR ในการดูดซับผลผลิตเกรดรอง

โดยมีการสั่งซื้อแล้วจำนวน 500 ตัน เพื่อขยายช่องทางการจำหน่ายน้ำผลไม้สมุทตี้ผ่าน ตู้เต่าบิน กับ บจ.ฟอร์ท เวนดิ้ง รับซื้อมะม่วง ลำไย สับปะรด ลิ้นจี่ ลองกอง กล้วยหอมทอง ฝรั่ง และชมพู่ ปริมาณรวม 1,000 ตัน และจับมือกับ บจ.ไทยแอร์เอเชีย แปรรูปทำเป็นเมนูอาหารและเครื่องดื่ม จำหน่ายบนเครื่องบินทั้งเที่ยวบินภายในประเทศและต่างประเทศ โดยรับซื้อลำไย มังคุด สับปะรดภูแล ปริมาณรวม 1,000 ตัน อีกทั้งสนับสนุน “บรรจุภัณฑ์ผลไม้ DIT” ร่วมกับไปรษณีย์ไทย ในรูปแบบกล่องไปรษณีย์ขนาด 10 กก. และตะกร้าพลาสติกขนาด 5 กก. ปริมาณรวม 3,000 ตัน

ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาคเกษตรและอาหาร มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิตสินค้าเกษตร และส่งออกไปยังต่างประเทศ นับว่าเป็นฟันเฟืองสำคัญส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการจ้างงาน แต่ด้วยสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์และสงครามการค้าระหว่างประเทศในปัจจุบัน อาทิ มาตรการภาษีของสหรัฐฯ (US Tariff Policy) ที่ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารของประเทศ อีกทั้งปัญหาการส่งออกทุเรียนของไทยไปยังสาธาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ได้กำหนดให้ผู้ส่งออกต้องแนบรายงานผลการทดสอบ (Test Report) ของสาร Basic Yellow 2 โดยหอการค้าไทยได้เร่งสื่อสารทำความเข้าใจในพื้นที่เพาะปลูกหลัก พร้อมทั้งประสานกับภาครัฐและหอการค้าจังหวัดเพื่อยกระดับมาตรฐานการส่งออก พร้อมทั้งได้เข้าพบหารือกับเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและผลักดันทุเรียนไทยสู่ตลาดจีนอย่างยั่งยืน เป็นต้น

ทั้งนี้ หอการค้าไทย ได้จัดตั้งศูนย์ประสานงานและประชาสัมพันธ์สินค้าเกษตรและอาหาร (Agriculture and Food Coordination and Public Relations Center : AFC) เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการสื่อสารประสานงานและแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตรตกต่ำอย่างเป็นระบบ โดยที่ผ่านมา ศูนย์ AFC ได้ดำเนินการมาเป็นระยะเวลา 11 เดือนแล้ว เพื่อร่วมบรรเทาสถานการณ์และแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตรตกต่ำ-ล้นตลาดร่วมกับเครือข่ายภาครัฐและภาคเอกชน จำนวน 28 หน่วยงาน โดยในปี 2567 ได้ประสานงานเครือข่ายช่วยรับซื้อสินค้าจากเกษตรกรกร

ท้องถิ่นปริมาณถึง 218,356 ตัน คิดเป็นมูลค่า 14,172 ล้านบาท

สุดท้ายนี้ จากนโยบายและความร่วมมือระหว่างศูนย์ AFC หอการค้าไทย หอการค้าจังหวัดทั่วประเทศ กรมการค้าภายใน สมาคมตลาดสุดไทย และห้างค้าปลีก-ค้าส่งชั้นนำ 5 ราย จะตอกย้ำการขับเคลื่อน โครงการ “Thai Fruits Festival 2025” โดยในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2568 ซึ่งเป็นช่วงที่ผลผลิตลำไยจะออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก เราได้เตรียมแผนรับซื้อลำไยจากเกษตรกรทั่วประเทศกว่า 40,000 ตัน เชื่อเหลือเกินว่า ถ้าวันนี้คนไทยหันมาบริโภคผลไม้ไทยมากขึ้น เกษตรกรไทยผลิตผลไม้ไม่แพ้ชาติใดในโลก เกษตรกรปลูกด้วยใจ คนไทยกินด้วยรัก และเปลี่ยนของว่างบนโต๊ะอาหารเป็นผลไม้ไทย โดยมุ่งหวังส่งเสริมและกระจายผลไม้ไทยคุณภาพจากแหล่งผลิตต่าง ๆ สู่มือผู้บริโภคทั่วประเทศ พร้อมทั้งช่วยลดความเสียงจากปัญหาราคาตกต่ำและผลผลิตล้นตลาด ถือเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการดูแลแลเกษตรไทยอย่างเป็นรูปธรรม

 

#พาณิชย์จับมือศูนย์AFCหอการค้าไทย #ผลไม้ไทยต้องไปให้สุด #โครงการThaiFruitsFestival2025 #กระทรวงพาณิชย์ #กรมการค้าภายใน #ศูนย์AFCหอการค้าไทย #สมาคมตลาดสดไทย ###