เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2568 นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบ ธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและพนักงาน สำนักงาน คปภ. ได้ลงพื้นที่จังหวัดสงขลา เพื่อเข้าร่วมการประชุมร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัทประกันภัย เพื่อหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ เป็นการเร่งด่วน ณ ศาลากลางจังหวัดสงขลา

เลขาธิการ คปภ. กล่าวว่า จากข้อมูลความเสียหายด้านการประกันภัยล่าสุด ณ วันที่ 12 ธันวาคม 2568 พบว่าประชาชนในหลายจังหวัดของภาคใต้ได้แจ้งความเสียหายจากเหตุอุทกภัยเป็นจำนวนมาก โดยเบื้องต้นมีการแจ้งความเสียหายรถยนต์ แล้วประมาณ 30,000 ราย คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 7,500 ล้านบาท ขณะที่ความเสียหายด้านทรัพย์สิน บ้านเรือน และอาคารพาณิชย์ มีการแจ้งความเสียหายแล้วประมาณ 26,000 ราย รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 1,800 ล้านบาท ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวเป็นข้อมูลเบื้องต้นซึ่งอาจมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากหลายพื้นที่ยังอยู่ระหว่างการเข้าสำรวจและประชาชนบางส่วนยังไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ได้ โดยสำนักงาน คปภ. จะติดตามและรวบรวมข้อมูลร่วมกับบริษัทประกันภัยอย่างต่อเนื่องเพื่อสะท้อนสถานการณ์ที่แท้จริงในพื้นที่


ในการประชุมครั้งนี้เลขาธิการ คปภ. ได้สอบถามเกี่ยวกับการตรวจสอบความเสียหายและการจ่ายค่าสินไหมทดแทน เป็นรายบริษัท โดยเน้นย้ำให้ทุกบริษัทจ่ายค่าสินไหมทดแทนด้วยความรวดเร็วและเป็นธรรม โดยเคลม Total Loss จ่ายภายใน 3-7 วัน และประกันภัยทรัพย์สินให้จ่ายภายในสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ ยังได้กำชับให้บริษัทประกันภัยเร่งทบทวนและสื่อสารสร้างความเข้าใจกับพนักงานเกี่ยวกับเงื่อนไขความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะประเด็นวงเงินคุ้มครองย่อย (Sublimit) ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของเรื่องร้องเรียนในช่วงที่ผ่านมา ทำให้การให้ข้อมูลแก่ผู้เอาประกันภัยไม่ครบถ้วนหรือเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน จึงได้สั่งการให้ทุกบริษัทประกันภัยจัดให้มีการสื่อสารอย่างถูกต้อง ชัดเจน และเป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและสามารถใช้สิทธิประกันภัยได้อย่างเป็นธรรม พร้อมกำชับให้บริษัทประกันภัยประสานงานกับอู่ซ่อมรถในเครืออย่างใกล้ชิด เพื่อให้การซ่อมแซมรถยนต์ของผู้เอาประกันภัยดำเนินไปได้อย่างรวดเร็วและเป็นไปตามเงื่อนไขของกรมธรรม์

ซึ่งทุกบริษัทประกันภัยได้แสดงเจตนารมณ์ร่วมกันอย่างชัดเจน โดยยืนยันความพร้อมที่จะจ่ายค่าสินไหมทดแทนในกรณี Total Loss ให้แล้วเสร็จภายใน 3–7 วัน และประกันภัยทรัพย์สินให้จ่ายภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งถือเป็นมาตรการสำคัญที่สะท้อนความตั้งใจของภาคธุรกิจประกันภัยในการยืนเคียงข้างประชาชนในช่วงเวลาวิกฤต ไม่เพียงเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเร่งด่วน แต่ยังช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของอุตสาหกรรมประกันภัยในฐานะกลไกสนับสนุนการฟื้นฟูหลังภัยพิบัติ ขณะเดียวกัน สำนักงาน คปภ. ได้ขอให้ทุกบริษัทตรวจสอบและใช้ข้อมูลอ้างอิงในมาตรฐานเดียวกัน เพื่อให้กระบวนการพิจารณาและการจ่ายค่าสินไหมทดแทนเป็นไปอย่างถูกต้อง รอบคอบ และสอดคล้องกันในทุกแห่ง
สำนักงาน คปภ. ยังได้ทุ่มเทสรรพกำลังอย่างเต็มที่ในการขับเคลื่อนมาตรการช่วยเหลือครั้งนี้ และเน้นย้ำให้ ภาคธุรกิจประกันภัยดำเนินงานเชิงรุก เพื่อดูแลประชาชนในทุกขั้นตอนของการให้ความช่วยเหลือ โดยเฉพาะการเร่งรัดการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้รวดเร็ว โปร่งใส และเป็นธรรม พร้อมจัดส่งทีมคุ้มครองสิทธิประโยชน์จากส่วนกลางลงพื้นที่ เพื่อสนับสนุนการทำงานของสำนักงาน คปภ. ภาค 9 (สงขลา) และบูรณาการร่วมกับบริษัทประกันภัยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อเร่งรัดการแก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่โดยเร็วที่สุด และขอแสดงความห่วงใยต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในครั้งนี้ พร้อมขอย้ำว่ามาตรการต่าง ๆ ที่ดำเนินการอยู่มีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนได้รับการฟื้นฟูและเยียวยาอย่างรวดเร็ว ทั่วถึง และเป็นธรรม พร้อมทั้งกำกับติดตามการปฏิบัติงานของบริษัทประกันภัยทุกแห่งอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มาตรการทุกด้านเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมและสามารถบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างแท้จริง สะท้อนความมุ่งมั่นของสำนักงาน คปภ. ในการยืนหยัดเคียงข้างประชาชนในทุกสถานการณ์ ทั้งนี้ หากประชาชนมีข้อสงสัย หรือพบปัญหาเกี่ยวกับการประกันภัย สามารถติดต่อ สายด่วน คปภ. 1186 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
#คปภ. #ลงพื้นที่สงขลา #เร่งเคลียร์เคลมTotalLoss



