ย้อนหลังไป 149 ปี เมื่อวันที่ 19 กันยายน พุทธศักราช 2417 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เปิดพิพิธภัณฑ์หลวง ณ หอคองคอเดีย ภายในพระบรมมหาราชวังให้ประชาชนเข้าชมเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา นับเป็นวันกำเนิดพิพิธภัณฑ์สำหรับประชาชนแห่งแรกของประเทศไทย ต่อมา พ.ศ.2538 คณะรัฐมนตรีได้มีมติ กำหนดให้วันที่ 19 กันยายน เป็นวันพิพิธภัณฑ์ไทย เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและเป็นโอกาสให้องค์กรด้านพิพิธภัณฑ์ ได้จัดกิจกรรมเผยแพร่ภารกิจแก่สังคมในฐานะแหล่งเรียนรู้สำคัญของชาติ

ในปี พ.ศ.2566 กรมศิลปากร โดยสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จึงได้ร่วมมือกับเครือข่ายพิพิธภัณฑ์ 20 แห่งจัดกิจกรรมมหกรรมพิพิธภัณฑ์ไทย ระหว่างวันที่ 16 -19 กันยายน ภายใต้แนวคิด “การจัดการคลังและวัตถุพิพิธภัณฑ์สู่ความยั่งยืน” ณ พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน และอาคารมหาสุรสิงหนาท พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร

นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากรกล่าวถึงแนวคิดการจัดงานมหกรรมพิพิธภัณฑ์ไทย ประจำปี พ.ศ. 2566 ว่ากรมศิลปากรให้ความสำคัญกับการดูแลรักษา Collection หรือวัตถุพิพิธภัณฑ์ และการจัดการองค์ความรู้ ซึ่งเป็นหน้าที่หลักของพิพิธภัณฑ์ทุกแห่งในโลก เพื่อการนำเสนอและเผยแพร่สรรพวิทยาการความรู้แก่สังคมอย่างมีประสิทธิภาพ กรมศิลปากรเองก็ได้มีพิธีเปิดคลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อันเป็นสถานที่จัดเก็บ อนุรักษ์โบราณวัตถุตามมาตรฐานพิพิธภัณฑ์สากล และกำหนดวิธีการให้บริการศึกษาค้นคว้าโบราณวัตถุที่เหมาะสมกับภารกิจหลักในการปกป้องคุ้มครองโบราณวัตถุอันเป็นทรัพย์ของแผ่นดิน ตามแนวพระราชดำริในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตน์ฯ ราชสุดา สยามบรมราชกุมารี โดยจะเปิดให้บริการศึกษาค้นคว้าเสมือนห้องสมุดโบราณวัตถุ ในวันพิพิธภัณฑ์ไทยปีนี้ คือวันที่ 19 กันยายน 2566

   

ในการจัดงานมหกรรมพิพิธภัณฑ์ไทยครั้งนี้ อธิบดีพนมบุตร จึงมอบหมายให้สำนักพิพิธภัณฑ – สถานแห่งชาติเชิญชวนเครือข่ายพิพิธภัณฑ์ต่างๆ มาร่วมกันเผยแพร่ความรู้ ภารกิจการอนุรักษ์ ดูแลรักษาวัตถุพิพิธภัณฑ์ และการจัดการความรู้ของแต่ละพิพิธภัณฑ์ ผ่านกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ระหว่างวันที่ 16 -19 กันยายน 2566

กิจกรรมในมหกรรมพิพิธภัณฑ์ไทยในปีนี้ จึงประกอบด้วย นิทรรศการพิเศษในพระที่นั่งศิวโมกขพิมาน เป็นการจัดแสดงสิ่งของสำคัญ สิ่งของแปลกจากคลังพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ที่มิได้เผยแพร่มาก่อน ได้แก่

– กาน้ำไข่นกกระจอกเทศ เขี้ยวปลาวาฬ ชุดแสตมป์ดวงแรกของประเทศไทย โทรศัพท์รุ่นแรก

ที่นำเข้ามาใช้ในประเทศไทย เครื่องตัดต่อภาพยนตร์โบราณ เครื่องส่งโทรเลข จากคลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ

– เขาสมัน งาช้างแปลก จากคลังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร

– ตุ๊กตาทองตัวแรกของประเทศไทย จากหอภาพยนตร์

– เครื่องพิมพ์ดีดของ ป อินทรปาลิต จากพิพิธภัณฑ์หนังสือพิมพ์ไทย

– ชุดตลับงาช้าง 20 ขนาด จากพิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด

– ตราประทับชาดงาดำ เป็นตราประจำตำแหน่งเจ้ากรมตำรวจภูธร เมื่อแรกก่อตั้งหน่วยงานตำรวจภูธร ซึ่งพัฒนาต่อมาเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติในปัจจุบัน จากคลังพิพิธภัณฑ์ตำรวจ วังปารุสกวัน

– ตั๋วรถราง ป้ายรถราง จากคลังพิพิธภัณฑ์การไฟฟ้าไทย

– ปืนพระรามหก จากคลังอนุสรณ์สถานแห่งชาติ

– รูปยาซิกาแรตชุดเจ้านายไทย บริษัทยาสูบชำมุ้ยจำกัด พ.ศ.2468 จากคลังพิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

– อัณฑะผู้ป่วยโรคเท้าช้าง จากคลังพิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถาน

– รูปพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญสมัยกรุงศรีอยุธยาบนภาชนะดินเผา จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ชาวนาไทย

– เหรียญเงินจีนจากแหล่งเรือจมในทะเลไทย จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พาณิชย์นาวีเป็นต้น

ในบริเวณนิทรรศการ ยังเปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้ร่วมกิจกรรมปฏิบัติการอนุรักษ์โบราณวัตถุศิลปวัตถุ และสิ่งสะสมประเภทวัสดุกระดาษ โลหะ เช่น เหรียญเงิน เอกสารโบราณ ภาพถ่ายเก่า ภาพจิตรกรรมสีน้ำ เป็นต้น โดยประชาชนสามารถนำสิ่งสะสมของตนมาปฏิบัติการอนุรักษ์ด้วยตนเอง โดยมีวิทยากรเชี่ยวชาญอบรมให้ความรู้จากพิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์ มิวเซียมสยาม พิพิธภัณฑ์พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า พิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และกลุ่มวิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ทั้งนี้สามารถสำรองที่นั่งได้ทาง เฟสบุ๊คเพจ Thai Museum Day นอกจากนี้ยังมีเวทีบรรยายความรู้ เผยแพร่ภารกิจพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ในบริเวณงานโดยวิทยากรจาก พิพิธภัณฑ์ต่างๆ มากกว่า ๒๐ พิพิธภัณฑ์

นอกจากนี้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ยังได้เปิดให้ชมพิพิธภัณฑ์ ณ วังหน้าในยามค่ำหรือ Night Museum ไปจนถึงเวลา 20.00 น. โดยบริการรอบนำชม เวลา 17.00 น. และ 18.00 น. ตลอดวันที่ 17 – 19 กันยายน และจัดกิจกรรมพิเศษ “มหาคณปติบูชา” และตลาดอาร์ตทอยสร้างสรรค์พระคเณศ “ภัทรบูชา” ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน ณ อาคารมหาสุรสิงหนาท ติดตามรายละเอียดใน เฟสบุ๊คเพจ Education.National Museum Bangkok