กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ร่วมกับพันธมิตร Innovative House สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และสมาพันธ์สมาคมสปา แอนด์ เวลเนสไทย จัดกิจกรรม “สัมมนาเชิงปฎิบัติการเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจบริการความงามและสุขภาพ” นำร่องส่งเสริมและผลักดันผลงานนวัตกรรม ด้านความงาม การดูแลสุขภาพ (Wellness) สปา และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง พร้อมเปิดเวทีจับคู่ธุรกิจ (Business Matching Wellness) เชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจบริการความงามและสุขภาพกับนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ตลาด เพื่อสร้างโอกาสด้วยเทรนด์รักสุขภาพ รองรับกระแสธุรกิจ Wellness ที่กำลังเติบโตทั้งในไทยและโลก
นางรวีพรรณ ช้างเย็นฉ่ำ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว เพื่อความงามและสุขภาพ (Wellness Tourism) เป็นธุรกิจแห่งอนาคตที่กำลังมาแรงทั่วโลก มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มสร้างมูลค่าในตลาดได้สูง สามารถสร้างรายได้ และกระตุ้นเศรษฐกิจได้โดยรวม กรมพัฒนาธุรกิจการค้าในฐานะที่มีภารกิจสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งแก่ผู้ประกอบการ โดยในปี 2566 ได้เจาะกลุ่มพัฒนาธุรกิจบริการที่ก่อให้เกิดการจ้างงานได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งจะช่วยกระจายรายได้สู่ชุมชนทั่วประเทศ โดยเฉพาะธุรกิจบริการความงามและสุขภาพ (Wellness) ที่เป็น Mega Trend เติบโตได้อย่างดีทั่วโลก สวนกระแสเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยเฉพาะภาคธุรกิจก็ได้ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก และหันมาประกอบกับธุรกิจ Wellness มากขึ้น
รองอธิบดี กล่าวต่อว่า “เมื่อธุรกิจ Wellness กำลังขยายตัวการส่งเสริมให้ธุรกิจเกิดการเชื่อมโยงเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและโอกาสทางการตลาดจึงเป็นสิ่งที่กรมฯ ให้ความสำคัญ โดยได้ร่วมมือกับพันธมิตรจัดกิจกรรม “สัมมนาเชิงปฎิบัติการเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจบริการความงามและสุขภาพ” ในวันอังคารที่ 15 สิงหาคม 2566 ผ่านระบบออนไลน์ Zoom Meeting โดยร่วมมือกับ Innovative House ภายใต้สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ที่มีบทบาทในการพัฒนาผู้ประกอบการอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) โดยใช้งานวิจัยเป็นเครื่องมือสร้างสรรค์สินค้าและบริการที่เกี่ยวกับธุรกิจ Wellness ให้มีแต้มต่อ พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจด้วยนวัตกรรมต่อยอดโอกาสทางธุรกิจได้ อีกทั้งสร้างการเชื่อมโยงกับธุรกิจ Wellness ภายใต้สมาพันธ์สมาคมสปา แอนด์ เวลเนสไทย ผู้ประกอบธุรกิจภายใต้การส่งเสริมของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าใน 2 กลุ่มคือ 1) ผู้ประกอบธุรกิจ Wellness ในแคมเปญ DBD Wellness Gift Fest ซึ่งผ่านการพัฒนาความรู้ในการบริหารธุรกิจ Wellness และมีความพร้อมในการทำการตลาดผ่านออนไลน์ และ 2) ผู้ประกอบธุรกิจ DBD Smart Local เป็นผู้ผลิตสินค้าชุมชนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ Wellness”
“ในกิจกรรมดังกล่าวจะมีการพูดคุยกับพันธมิตรถึงความร่วมมือในการเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจบริการความงามและสุขภาพ (Wellness) กับผลิตภัณฑ์ของ DBD Smart Local และผลิตภัณฑ์นวัตกรรม โดยไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ช่วงการเปิดโอกาสให้ธุรกิจได้นำเสนอสินค้าหรือบริการของตนเองให้กับธุรกิจที่เข้าร่วมได้รู้จัก หากสนใจที่จะเชื่อมโยงธุรกิจก็สามารถติดต่อเจรจาธุรกิจได้ทันที ซึ่งมีธุรกิจ Wellness หลากหลายประเภทที่เข้าร่วมกิจกรรมอาทิ ธุรกิจกลุ่มที่รับทำสินค้า OEM, จำหน่ายวัตถุดิบ, เครื่องสำอาง, อาหารและเครื่องดื่ม, สปา/นวดเพื่อสุขภาพ รวมไปถึงสินค้าที่เกี่ยวข้องอย่าง ชาเพื่อสุขภาพ น้ำมันอโรมา ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว อุปกรณ์เกี่ยวกับเครื่องหอม และแชมพู เมื่อจบกิจกรรมจะสร้างโอกาสทางการค้า และเพิ่มช่องทางการตลาด ให้ผู้ประกอบธุรกิจ Wellness ผู้ผลิตสินค้า Wellness และผู้ประกอบธุรกิจกลุ่มต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้จับมือกันสร้างเครือข่ายฐานธุรกิจ Wellness ให้เติบโตไปพร้อมกันได้อย่างไม่สิ้นสุด ทั้งนี้ ธุรกิจ Wellness มีบทบาทต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีความเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย ประกอบกับพฤติกรรมของผู้บริโภคได้เปลี่ยนไปโดยหันมาดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้นเน้นที่การป้องกันมากกว่าการรักษาส่งผลให้ธุรกิจ Wellness มีโอกาสเติบโตอย่างรวดเร็ว อีกทั้ง ธุรกิจกลุ่มนี้ยังมีกลุ่มเป้าหมายที่กว้างรวมทุกช่วงอายุคนตั้งแต่เด็ก ผู้ใหญ่ วัยรุ่น คนทำงาน ไปจนถึงผู้สูงอายุที่กำลังเพิ่มสัดส่วนเป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่ในประเทศไทย” รองอธิบดี กล่าวทิ้งท้าย
#SuperDBD