พาณิชย์นำทีมผู้ส่งออกข้าวไทยลุยฟิลิปปินส์ จับคู่ผู้ส่งออก – ผู้นำเข้า ลงนาม MOU ซื้อ-ขายข้าว มูลค่ารวมกว่า 2,800 ล้านบาท พร้อมจัดกิจกรรมโปรโมต Soft power อาหารไทยต้องเสิร์ฟกับข้าวไทย คาดชิงส่วนแบ่งตลาดข้าวไทยในฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้น
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่าตามที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายภูมิธรรม เวชยชัย) ได้มีข้อสั่งการให้เร่งดำเนินการเพื่อผลักดันการส่งออกข้าวไทยไปยังตลาดฟิลิปปินส์เนื่องจากมีรายงานว่าในปี 2567 ฟิลิปปินส์มีความต้องการนำเข้าข้าวสูงถึงประมาณ 4.1 ล้านตัน กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศ จึงได้จัดคณะผู้แทนการค้าข้าวไทยโดยภาคเอกชนมีนายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย (ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์) และสมาชิกฯ ร่วมเดินทางไปฟิลิปปินส์ ในระหว่างวันที่ 3 – 5 กรกฎาคม 2567 เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าและลงนาม MOU กับผู้นำเข้าข้าวฟิลิปปินส์ จำนวน 9 ฉบับ ปริมาณรวม 130,000 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 2,800 ล้านบาท
นายรณรงค์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการลงนาม MOU ซื้อ-ขายข้าวแล้ว ในครั้งนี้ กรมฯ ยังได้ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา เชิญผู้นำเข้า ผู้ค้าข้าว ห้าง/ร้านค้าปลีก ผู้ประกอบการค้าข้าวรายสำคัญและผู้แทนหน่วยงานภาครัฐของฟิลิปปินส์ รวมถึงสื่อและ Influencers กว่า 70 ราย เข้าร่วมกิจกรรมประชาสัมพันธ์ข้าวไทยภายใต้คอนเซป “Premium Thai Rice with Authentic Thai Food” ณ ร้าน Mango Tree Manila ซึ่งเป็นร้านที่ได้รับตรา “Thai SELECT” จากกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นการส่งเสริมนโยบาย Soft Power ด้านอาหารไทยในการประชาสัมพันธ์และกระตุ้นให้เกิดค่านิยมในการบริโภคข้าวไทย
ในต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยครั้งนี้มีกิจกรรมสาธิตการปรุงอาหารไทยพร้อมเสิร์ฟกับข้าวไทย 3 รายการ ได้แก่ แกงเขียวหวานไก่ ผัดกะเพราหมู และข้าวเหนียวมะม่วง ซึ่งมีผู้ให้ความสนใจกิจกรรมดังกล่าวเป็นอย่างมาก พร้อมกันนี้ ภายในงานยังมีการได้ลิ้มลองรสชาติอาหารไทยแท้เสิร์ฟพร้อมกับข้าวคุณภาพดีจากไทย เช่น
ข้าวหอมมะลิไทยที่มีจุดเด่นในเรื่องรสชาติอร่อย มีความหอมและนุ่มเป็นเอกลักษณ์ และข้าวไรซ์เบอร์รี่ ซึ่งมีคุณลักษณะพิเศษที่มีสีสันสวยงามและคุณค่าทางโภชนาการสูง ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวได้รับการตอบรับจากผู้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นอย่างมาก โดยเห็นว่าข้าวไทยมีความหลากหลายและสามารถตอบสนองความต้องการบริโภคข้าวของชาวฟิลิปปินส์ได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้เข้าพบหน่วยงาน National Food Authority (NFA) ซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการบริหารจัดการสต็อกข้าวของฟิลิปปินส์ โดยได้แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ตลาดข้าว รวมถึงนโยบายการลดภาษีนำเข้าข้าวจากร้อยละ 35 เหลือร้อยละ 15 ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2567 ไปจนถึงสิ้นปี 2571 โดยจะมีการทบทวนอัตราภาษีนำเข้าข้าวทุก 4 เดือน นอกจากนี้ ยังได้หารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการแก้กฎหมายของรัฐบาลฟิลิปปินส์ให้ NFA สามารถนำเข้าข้าวในภาวะฉุกเฉินได้ ซึ่งขณะนี้กฎหมายดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของวุฒิสภา ทั้งนี้ ฝ่ายไทยได้ให้ความเชื่อมั่นว่าไทยมีความพร้อมในการส่งออกข้าวเพื่อสนับสนุนความมั่นคงทางอาหารของฟิลิปปินส์
นายรณรงค์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดคณะผู้แทนฯ เดินทางไปฟิลิปปินส์ในครั้งนี้นับว่าประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี แสดงให้เห็นว่าข้าวไทยมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในเรื่องคุณภาพ ความหลากหลายและรสสัมผัสที่ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคชาวฟิลิปปินส์ โดยคาดว่าการจัดกิจกรรมดังกล่าวจะช่วยขยายส่วนแบ่งตลาดข้าว
ในฟิลิปปินส์ให้เพิ่มมากขึ้น สำหรับสถิติการส่งออกข้าวไทยไปยังฟิลิปปินส์ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม – มิถุนายน) ประมาณ 299,787 ตัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 381.66 และมีมูลค่าประมาณ 5,978 ล้านบาท (ประมาณ 167 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 558.97 ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ตลาดข้าวได้ที่กองบริหารการค้าข้าว โทรศัพท์ 02 547 4820 หรือ สายด่วนกรมการค้าต่างประเทศ 1385 หรือเว็บไซต์กรมการค้าต่างประเทศ www.dft.go.th