คณะผู้บริหารกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ นำทีมสื่อมวลชนเยี่ยมชมกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพรในเครือหงส์ไทย

โดยการนำของ นางพรพิมล เพชรกูล นักวิชาการพาณิชย์เชี่ยวชาญ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า กรมฯได้นำคณะผู้บริหารและสื่อมวลชนศึกษาดูงาน ณ บริษัทสมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด สาขาพุทธมณฑลสาย 2 และสาขาพุทธมณฑลสาย 4 หนึ่งในผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่เป็นซอฟต์พาวเวอร์ของไทย ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายยาดม ยาหม่อง ยาน้ำมัน สเปรย์สมุนไพร แบรนด์หงส์ไทย ภายใต้การนำทัพของนายธีระพงศ์ ระบือธรรม ผู้ก่อตั้งและ CEO ผู้ยึดหลักธรรมาภิบาลในการประกอบธุรกิจจนประสบความสำเร็จ เป็นผู้ให้การต้อนรับพร้อมนำเยี่ยมชมโรงงานผลิตทั้งสองสาขาและให้ข้อมูลทางการตลาดว่า ด้วยนโยบายการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูงสุด ไม่ยอมลดคุณภาพวัตถุดิบเพื่อหวังลดต้นทุนการผลิต รักษาคุณภาพ ทำให้สินค้าให้เป็นมาตรฐานสากลใช้ได้ทุกเพศทุกวัย หงส์ไทยมีส่วนแบ่งการตลาดผลิตภัณฑ์สมุนไพรใช้ภายนอกประมาณ 15-20% คาดการณ์ว่าปี 2025 จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 35% และอีก 3-5 ปีข้างหน้าจะมีส่วนแบ่งการตลาด 50% ขึ้นไป และจะบุกตลาดกลุ่มประเทศอาเซียน ก้าวสู่ตลาดโลก

นายธีระพงศ์ เปิดเผยว่า เคล็ดลับความสำเร็จของแบรนด์ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยหงส์ไทยด้วยสโลแกนที่ว่า “มุ่งมั่น เข้าใจ เข้าถึง ซื่อสัตย์ ยอมรับ เพื่อสังคม” จนทำให้ยาดมหงส์ไทยสามารถครองใจผู้บริโภคชาวไทยจนเป็นสินค้าซอฟต์พาวเวอร์ที่คนดังอย่าง LISA Blackpink หรือ ฟ่าง-ธีรพงศ์ ศิลาชัย นักกีฬายกน้ำหนักชาย รุ่น 61 กิโลกรัมผู้คว้าเหรียญเงินกีฬาโอลิมปิกปารีสเกมส์ และคนดังอีกหลายคน รวมถึงผู้บริโภคชาวไทยและชาวต่างชาติที่ใช้ผลิตภัณฑ์หงส์ไทยจนเป็นไอเท็มติดตัวที่ขาดไม่ได้

ในปัจจุบันมีคำสั่งซื้อจากคู่ค้าจากต่างประเทศ อาทิ มาเลเซีย กัมพูชา เวียดนาม สปป.ลาว ตลอดจนประเทศในแถบทวีปเอเชีย อาทิ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ อินเดีย เกาหลี ญี่ปุ่น รวมถึงกลุ่มประเทศในทวีปยุโรปให้ผลิตสินค้าส่งไปจำหน่ายในประเทศของตน ซึ่งทางหงส์ไทยมีการปรับกลยุทธ์แผนเพิ่มกำลังการผลิตให้มีจำนวนสินค้ามากยิ่งขึ้น เพื่อให้ทันตามคำสั่งซื้อทั้งภายในประเทศและส่งออกไปต่างประเทศในระยะเวลาอันใกล้นี้

ปัจจุบันบริษัทฯ มีผลิตภัณฑ์สมุนไพรในเครือถึง 54 ผลิตภัณฑ์และไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อไปเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้หลากหลายยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ข้อมูลเดือนสิงหาคม 2567 พบว่าในปี 2566 มูลค่าตลาดผลิตภัณฑ์สมุนไพรทั่วโลก มีมูลค่า 60.63 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 6 ส่วนมูลค่าตลาดผลิตภัณฑ์สมุนไพรในประเทศในปี 2566 มีมูลค่าสูงถึง 56.94 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 9 โดยผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติเป็นที่นิยม เนื่องจากมีความปลอดภัย มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่า และมีผลข้างเคียงที่น้อยกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมุนไพรที่มีสรรพคุณแก้ไอ หวัด และภูมิแพ้ เป็นกลุ่มที่มียอดการจำหน่ายดีที่สุดในปี 2566 โดยมูลค่าการขายปลีกเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 อยู่ที่ 10.09 พันล้านบาท แนวโน้มผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและสมุนไพรในอนาคตยังน่าจับตามอง จากสถานการณ์ COVID-19 ผู้บริโภคทั่วโลกกว่า 70% ให้ความสำคัญกับการบริโภคอาหารเสริม รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่สกัดจากสมุนไพรธรรมชาติ ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ในการดูแลสุขภาพบุคคลทำให้ความต้องการใช้สมุนไพรและผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ

19 กันยายน 2567