นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานเปิดโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการ “การมอบนโยบายและขับเคลื่อนยุทธศาสตร์กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ประจำปี 2566 สู่การปฏิบัติ” สำหรับผู้บริหารระดับสูง หัวหน้าหน่วยงานทั้งส่วนกลางและภูมิภาค รวมทั้งเจ้าหน้าที่ด้านยุทธศาสตร์ นโยบายและแผน และการตรวจราชการ เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับนโยบายและทิศทางการขับเคลื่อนภารกิจและโครงการ (Flagship Project) ของกระทรวง พม. ประจำปี 2566 ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยมี นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) กล่าวรายงาน ณ ห้องประชุม Asawin Grand C โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ

นายจุติ กล่าวว่า วันนี้ ไม่ใช่มีเพียงการมอบนโยบายกระทรวง พม. ประจำปี 2566 แต่เป็นการรับฟังปัญหาจากหน่วยงานแนวหน้าที่ต้องออกไปเผชิญกับปัญหาสังคมด้วย โดยนโยบายของกระทรวง พม. จะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างไร สอดคล้องกับปัญหาหรือไม่ และที่สำคัญคือต้องยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางในการแก้ไขปัญหา นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเร่งด่วนสำคัญ คือ พระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 เป็นการปฏิรูปการบริการประชาชนแบบถึงตัวและจับต้องได้ มุ่งเน้นวิธีปฏิบัติเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด และให้แต่ละจังหวัดสรุปปัญหาที่พบ โดยเฉพาะปัญหาของผู้สูงอายุและคนพิการ อาทิ การรอคิวจำนวนมากเพื่อเข้ารับบริการในสถานสงเคราะห์ เราจะทำอย่างไรเพื่อให้คิวลดลงและสามารถให้การบริการได้ทั่วถึง ซึ่งต้องมีการเพิ่มอาสาสมัครกระทรวง พม. การฝึกอาชีพ สร้างโอกาสให้กับกลุ่มเปราะบางที่สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองได้ และอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี

นายจุติ กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่เน้นย้ำเป็นพิเศษอีกประการคือการทำข้อมูลขนาดใหญ่ Big Data เพื่อหยิบมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ต้องไปทบทวนข้อมูลใหม่ทั้งหมด รวมถึงการลงสำรวจพื้นที่ใหม่ โดยเฉพาะการไปสำรวจสถานที่ดูแลผู้สูงอายุและศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่ไม่ได้มาตรฐาน และวันนี้รัฐบาลได้ต่ออายุการแก้ไขปัญหาความยากจน ซึ่งศูนย์ช่วยเหลือสังคมตำบลของกระทรวง พม. ได้ทำงานเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาความยากจนด้วย โดยใช้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เพื่อช่วยให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในเชิงประจักษ์ นอกจากนี้ เราต้องรับฟังปัญหาจากประชาชนโดยตรง และต้องรีบเร่งแก้ไข โดยไม่ใช้เวลานานเกินไป หากไม่สามารถแก้ไขได้ ควรให้ผู้บริหารระดับสูงเข้ามาดูแลแก้ไขด้วยตัวเอง เพื่อการทำงานจะได้กระชับขึ้น และปัญหาของประชาชนจะได้รับการแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว
นายจุติ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ตนได้เน้นย้ำกับผู้บริหารและหัวหน้าหน่วยงานว่า ควรมี 7 อุปนิสัย (The 7 Habits) ในการทำงานเพื่อการพัฒนาสู่ผู้มีประสิทธิผลสูง ประกอบด้วย 1) เป็นฝ่ายเริ่มต้นทำก่อน 2) เริ่มต้นโดยมีเป้าหมายชัดเจน 3) ทำสิ่งสำคัญกว่าก่อน 4) ชอบคิดแบบชนะ – ชนะ 5) พยายามเข้าใจคนอื่นก่อน 6) ชอบประสานงานเพื่อเพิ่มพลัง และ 7) ฝึกฝนตนเองให้พร้อมเสมอ ทั้งนี้ เราต้องรู้จักตั้งคำถามกับตัวเองว่ามีเป้าหมายการทำงานอย่างไร และประชาชนจะได้รับประโยชน์อะไรจากกระทรวง พม. ซึ่งเราต้องทำให้ประชาชนมีความสุขที่สุด