วันที่ 25 มิถุนายน 2568 นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) เป็นประธานเปิดตัวคู่มือและการจัดห้องสุขาสาธารณะสำหรับทุกคน (Restroom For All) เพื่อแสดงถึงหลักการพื้นฐานและตอบสนองความต้องการของคนทุกกลุ่ม ซึ่งสอดคล้องตามหลักการสิทธิมนุษยชนและภารกิจหลักของกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) กระทรวง พม. รวมทั้ง เพื่อเป็นห้องน้ำต้นแบบและเป็นทางเลือกให้กับหน่วยงานสังกัดกระทรวง พม. รวมถึงหน่วยงานราชการ และสถานประกอบการ สำหรับใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการและนำไปปรับใช้ได้ตามความเหมาะสม โดยมี นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กล่าวรายงาน ณ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) ชั้น 12 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
นายอนุกูล กล่าวว่า ประเทศไทยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ และหลักการสิทธิมนุษยชนสากล ตามพันธกรณีระหว่างประเทศ ที่ได้เข้าร่วมเป็นภาคี ได้แก่ อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ หรืออนุสัญญา CEDAW , ปฏิญญาปักกิ่งและแผนปฏิบัติการเพื่อความก้าวหน้าของสตรี และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) เป้าหมายที่ 5 การบรรลุความเท่าเทียมระหว่างเพศ และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่สตรีและเด็กหญิง ประกอบกับความมุ่งหมายในการคุ้มครองและป้องกันมิให้มีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ ตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 ทั้งนี้ การจัดห้องสุขาสาธารณะสำหรับทุกคน (Restroom For All) จึงเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการตระหนักถึงสิทธิ และการไม่เลือกปฏิบัติต่อบุคคล ไม่ว่าด้วยเหตุความแตกต่างในเรื่องเพศ ความพิการ สภาพทางกายหรือสุขภาพ ซึ่งเป็นฐานคิดสำคัญในการส่งเสริมความเสมอภาคและเท่าเทียมทางสังคมที่เป็นเป้าหมายสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืน
เป้าหมายสูงสุดของการจัดห้องสุขาสาธารณะสำหรับทุกคน (Restroom For All) คือ การมุ่งตอบสนองต่อความต้องการและความจำเป็น รวมถึงบริการที่ครอบคลุมทุกกลุ่มสังคม ทั้งกลุ่มเพศชาย เพศหญิง กลุ่มผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ อีกทั้งยังเป็นเรื่องของการออกแบบและการปรับทัศนคติในการสร้างความเข้าใจเรื่องความหลากหลาย ความเสมอภาคเท่าเทียมระหว่างเพศ และการสร้างสังคมที่ทุกคนมีส่วนร่วม โดยยึดหลัก “ความสะอาด ความปลอดภัย และการรักษาความปลอดภัย ความสะดวก เข้าถึงได้ง่าย และความเป็นส่วนตัว”
นอกจากนี้ การขับเคลื่อนให้เกิดห้องสุขาสาธารณะสำหรับทุกคน (Restroom For All) เพื่อให้มีความสมบูรณ์ ยังต้องมีการปรับปรุงกฎหมายและกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 และกฎกระทรวง ฉบับที่ 39 (พ.ศ.2537) และฉบับที่ 63 (พ.ศ.2551) ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ากฎหมายมีการกำหนดแบบและจำนวนของห้องสุขา อาจจะไม่เพียงพอและไม่รองรับการใช้งานในปัจจุบัน ที่มีเพียงห้องสุขาเฉพาะแค่เพศหญิงและเพศชายเท่านั้น แต่ไม่ได้มีการพิจารณาถึงความต้องการเฉพาะของกลุ่มบุคคลต่างๆ จำนวนของผู้ใช้บริการ และระยะเวลาในการใช้บริการของแต่ละเพศ จึงควรมีการทบทวนและปรับปรุงกฎหมายหรือกฎระเบียบดังกล่าว ให้สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มบุคคลต่างๆ และสถานการณ์ทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป
นายอนุกูล กล่าวต่อไปว่า วันนี้ ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันจัดทำคู่มือฉบับนี้ บนหลักการพื้นฐานในการจัดบริการห้องสุขาสาธารณะ โดยคำนึงถึงป้ายสัญลักษณ์ สิ่งอำนวยความสะดวก ตลอดจนแนวทางในการขับเคลื่อนให้เกิดห้องสุขาสาธารณะสำหรับทุกคน (Restroom For All) เป็นสำคัญ ซึ่งกระทรวง พม. โดย สค. ได้ดำเนินการจัดส่งคู่มือฯ ในรูปแบบ E-Book เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ และเป็นแนวทางในการออกแบบหรือปรับปรุงห้องสุขาที่เหมาะสมตามบริบทของหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ , หน่วยงานภายนอกระดับกระทรวง 19 แห่ง , หน่วยงานภายนอกระดับกรม 116 แห่ง และ หน่วยงานสังกัด พม. 8 แห่ง รวมทั้งสิ้น 218 หน่วยงาน
นายอนุกูล กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้เป็นการเปิดตัวคู่มือและการจัดห้องสุขาสาธารณะสำหรับทุกคน (Restroom For All) เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทุกเพศทุกวัย เป็นการให้นิยามของความเท่าเทียมอย่างแท้จริง เป็นการสะท้อนถึงการขับเคลื่อนด้านความเท่าเทียมทางเพศ ซึ่งคู่มือเล่มนี้ได้ลงรายละเอียดอย่างครบถ้วน เป็นคู่มือสำคัญที่จะเชื่อมโยงสังคมในการให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมทางเพศ ผ่านการใช้ห้องสุขาสาธารณะ ทั้งนี้ คู่มือเล่มนี้จะเกิดผลสำเร็จได้นั้น จำเป็นต้องขับเคลื่อนผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เนื่องจากห้องสุขาเป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องแรกที่มนุษย์ทุกคนจำเป็นต้องใช้ และต้องสามารถใช้ได้ทุกเพศทุกวัย ทั้งเด็ก ผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้หญิง ผู้ชาย และผู้มีความหลากหลายทางเพศ ซึ่งภายในห้องน้ำจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ได้แก่ โถปัสสาวะสำหรับเด็กเล็ก ที่เปลี่ยนผ้าอ้อมสำหรับเด็ก บริการผ้าอ้อมสำเร็จรูปและผ้าอนามัย และราวจับสำหรับคนพิการและผู้สูงอายุ
“งานวันนี้ ไม่ใช่เพียงแค่การเปิดตัวคู่มือฯ แต่เราต้องการเสนอความเท่าเทียมทางเพศผ่านห้องสุขาสาธารณะ เพื่อเป็นต้นแบบที่สำคัญในสังคม ซึ่งกระทรวง พม. มีความคาดหวังว่าในท้องถิ่น โดยเฉพาะหน่วยงานสังกัดกระทรวง พม. ในพื้นที่ ต้องเร่งดำเนินการและขยายลงไปในพื้นที่ และหน่วยงานภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องต้องทำเป็นต้นแบบ เพราะการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศไม่ได้อยู่แค่เฉพาะในกรุงเทพมหานครเท่านั้น ควรจะเร่งขยายลงไปในพื้นที่ต่างๆ ทั่วภูมิภาคด้วย” นายอนุกูล กล่าวในตอนท้าย
#พมหนุนความเท่าเทียม
#กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว
#เปิดตัวคู่มือการจัดห้องสุขาสาธารณะต้นแบบ
#ห้องสุขาสาธารณะสำหรับทุกคน
#RestroomForAll