กรุงเทพฯ 25 มิถุนายน 2568 – ด้วยพระปณิธานในการธำรงรักษาและยกระดับมรดกภูมิปัญญาไทยสู่เวทีโลก สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงเป็นพลังสำคัญในการเผยแพร่คุณค่าของ “ผ้าไทย” ให้เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ
พระองค์ทรงมีพระราชดำริให้ผ้าไทยดำรงอยู่ในโลกสมัยใหม่ได้อย่างสง่างาม จึงทรงริเริ่มโครงการต่างๆ อาทิ “โครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก” โดยมุ่งหวังให้คนรุ่นใหม่เห็นคุณค่าของผ้าไทยในฐานะแฟชั่นที่สามารถสวมใส่ได้ในชีวิตประจำวัน พัฒนาองค์ความรู้ เพื่อสร้างอาชีพและรายได้ให้ช่างทอผ้า ช่างหัตถศิลป์ และชุมชน และสร้างแรงบันดาลใจในการนำผ้าไทยมาต่อยอดเชิงสร้างสรรค์
พระราชกรณียกิจในการพัฒนาลวดลายผ้าไทย ภายใต้แนวพระดำริ “Sustainable Fashion แฟชั่นแห่งความยั่งยืน” ยังได้ขยายผลไปสู่ระดับนานาชาติ องค์การสหประชาชาติประจำประเทศไทย ได้ยกย่องให้พระองค์เป็นเจ้าหญิงผู้พระราชทานความตระหนักรู้ถึงแนวทางแห่งความยั่งยืนให้แก่ประชาชนคนไทย โดยในโอกาสสำคัญล่าสุด ที่พระองค์ทรงร่วมขับเคลื่อนภารกิจร่วมกับ องค์การยูเนสโก (UNESCO) และ สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ SACIT และ สยามพิวรรธน์ ผู้ก่อตั้ง ICONCRAFT เพื่อสืบสานงานหัตถศิลป์ไทย ร่วมส่งเสริมช่างฝีมือจาก 7 จังหวัดในโครงการ “เครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก” (UNESCO Creative Cities Network: UCCN)
ความร่วมมือครั้งนี้เกิดขึ้นภายใต้แคมเปญพิเศษ “UNESCO x SACIT x ICONCRAFT: A Celebration of Thai Artisans and Creative Cities” เชิดชูช่างฝีมือไทย ยกระดับภูมิปัญญาท้องถิ่นจาก 7 จังหวัดเมืองสร้างสรรค์ ต้นแบบมรดกแห่งวัฒนธรรมและช่างฝีมือไทย สู่ผลงานหัตถศิลป์ร่วมสมัยจากการสร้างสรรค์โดยแบรนด์ SIRIVANNAVARI และ 14 สุดยอดดีไซเนอร์ไทย เพื่อต่อยอดเป็นงานดีไซน์ใหม่ที่ส่งต่อแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่
กิจกรรมสำคัญในงานนี้ ได้รับพระกรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ ของแบรนด์ “SIRIVANNAVARI” กับผลงานการออกแบบกระเป๋าคลัตช์ 2 ใบอันทรงคุณค่าโดยแบรนด์ SIRIVANNAVARI ภายใต้วิสัยทัศน์ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่วิจิตรงดงามด้วยงานปักอันประณีตโดยทีมช่างผู้ชำนาญแห่ง SIRIVANNAVARI Atelier & Academy กระเป๋าใบแรกเลอค่า ด้วยงานปักลายนกยูงสีทองอันเปล่งประกาย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ SIRIVANNAVARI โดยในส่วนหางนกยูงที่รำแพน ใช้สัญลักษณ์รวงข้าวอันสื่อถึงความอุดมสมบูรณ์และความเจริญรุ่งเรือง มีการปักประดับด้วยปล้องแก้วและคริสตัลอันระยิบระยับ ส่วนใบที่สองเป็นการปักลวดลายล้อไปกับลายผ้าทอ เพื่อเสริมให้ลวดลายดูมีมิติและโดดเด่นมากยิ่งขึ้น กระเป๋าทั้งสองใบ ดุจงานศิลปะระดับมาสเตอร์พีซที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก เนรมิตจากผ้าไหมทอลายแก้วชิงดวง สัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่ง ความสามัคคี และความกลมเกลียวที่ยั่งยืน ผลงานของ อาจารย์วีรธรรม ตระกูลเงินไทย บรมครูผ้าไหมไทยผู้ก่อตั้งแบรนด์ “จันทร์โสมา” ของจังหวัดสุรินทร์ โดยลายผ้าที่รังสรรค์ขึ้นมาเฉพาะสำหรับงานนี้ถือว่ามีความพิเศษเป็นอย่างยิ่งเพื่อร่วมเชิดชูจิตวิญญาณแห่งช่างฝีมือไทย และสะท้อนความงามของงานหัตถศิลป์ไทยผ่านมุมมองร่วมสมัย และการเปิดประมูลกระเป๋าคลัตช์ผ้าไหมทรงออกแบบทั้งสองใบ เพื่อระดมทุนให้โครงการ UNESCO Youth Program ส่งเสริมการศึกษาและพัฒนาศักยภาพด้านความคิดสร้างสรรค์ให้กับเยาวชนใน 7 จังหวัดเมืองสร้างสรรค์ของไทย ซึ่งปัจจุบันมีอยู่กว่า 350 เมืองทั่วโลกโดยประเทศไทยได้รับเลือกรวม 7 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต, เชียงใหม่, กรุงเทพฯ, สุโขทัย, เพชรบุรี, เชียงราย และ สุพรรณบุรี
อีกหนึ่งความพิเศษของงาน คือ นิทรรศการฉลองพระองค์ชุดไทยพระราชนิยมใน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา จากพิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จำนวน 8 ชุด ซึ่งเป็นการจัดแสดงครั้งแรกในประเทศไทย โดยทุกชุดเป็นผลงานการออกแบบและตัดเย็บโดย ธีระพันธ์ วรรณรัตน์ ดีไซเนอร์เจ้าของห้องเสื้อธีระพันธ์ (TIRAPAN) ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (การออกแบบแฟชั่น) ประจำปี 2562 อาทิ ชุดไทยเรือนต้น ชุดไทยจิตรลดา, ชุดไทยอัมรินทร์ ซึ่งเป็นฉลองพระองค์ในพระราชพิธีหรือโอกาสอันเป็นทางการ และแฝงไปด้วยความหมายทางประวัติศาสตร์
นอกจากนี้ ยังได้มีการลงนามแสดงเจตจำนง (Letter of Intent) ระหว่าง องค์การเพื่อการศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก (UNESCO) สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ SACIT และ สยามพิวรรธน์ ในการสนับสนุนผู้ประกอบการทางวัฒนธรรม ตลอดจนสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ของไทยเป็นผู้นำและบุคลากรด้านวัฒนธรรมที่มีความคิดสร้างสรรค์ รวมทั้งต่อยอดโครงการ “เครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก” โดยมุ่งสนับสนุนด้านการศึกษาอย่างยั่งยืนให้กับเยาวชนในพื้นที่
ความร่วมมือในครั้งนี้ภายใต้แคมเปญ “UNESCO x SACIT x ICONCRAFT: A Celebration of Thai Artisans and Creative Cities” ที่เชื่อมโยงภูมิปัญญาท้องถิ่นจาก 7 จังหวัดเมืองสร้างสรรค์ในประเทศไทย เข้ากับงานหัตถศิลป์ของไทยผ่าน 14 ดีไซเนอร์ชั้นนำ โดยแบ่งเป็น 7 ดีไซเนอร์ที่เป็นผู้สืบสานภูมิปัญญาไทยภายใต้การสนับสนุนของสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ SACIT และอีก 7 ดีไซเนอร์แถวหน้าของประเทศ ที่ ICONCRAFT ได้เชิญมาร่วมออกแบบคอลเลคชันพิเศษ ได้แก่ แบรนด์ “ATELIER PICHITA” ออกแบบชุดจากผ้าทอไทลื้อของ “กลุ่มผ้าทอไตลื้อ ครูดอกแก้ว” จังหวัดเชียงราย, แบรนด์ “THEATRE” ออกแบบชุดจากผ้าทรงดำของ “กลุ่มทอผ้าไทยทรงดำบ้านดอนมะนาว” จังหวัดสุพรรณบุรี, แบรนด์ “CHAI GOLD LABEL” ออกแบบชุดจากผ้าบาติกกลิ่นอายล้านนาของ “รักษ์บาติก” จังหวัดเชียงใหม่, แบรนด์ “HOOK’S BY PRAPAKAS” ออกแบบชุดจากผ้าบาติกวาดมือของ “กลุ่มยิ่งบาติกเพ้นท์” จังหวัดภูเก็ต, แบรนด์ “WISHARAWISH” ออกแบบชุดจากผ้าลายอย่างของ “ภูษาผ้าลายอย่าง” จังหวัดเพชรบุรี, แบรนด์ “PYVET” ออกแบบชุดจากผ้าจกขนเม่นของ “สุนทรีผ้าไทย” จังหวัดสุโขทัย และ แบรนด์ “JANESUDA” ออกแบบชุดจากผ้าบาติกสีสันสดใสของ “Marionsiam” (มารียองสยาม) กรุงเทพมหานคร
ดีไซเนอร์แต่ละแบรนด์ได้ออกแบบชุดจากผ้าทอท้องถิ่นไทยแบรนด์ละ 2 ชุด รวมเป็น 14 ชุดสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ซึ่งคอลเลกชันพิเศษภายใต้แคมเปญนี้ได้เผยโฉมให้ได้ชมเป็นครั้งแรกในงาน Crafts Bangkok 2025 เมื่อวันที่ 18 – 22 มิถุนายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยทั้ง SACIT และสยามพิวรรธน์ นับเป็นพันธมิตรที่ทำงานร่วมกันมาโดยตลอด มีเป้าหมายในการยกระดับงานศิลปหัตถกรรมสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ทั้ง 7 จังหวัดให้ได้รับการพัฒนาจากผู้เชี่ยวชาญนักออกแบบ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับภูมิปัญญาท้องถิ่นไทยและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน
ร่วมเชิดชูภูมิปัญญาไทยและชื่นชมความสร้างสรรค์ของเหล่าช่างฝีมือและนักออกแบบไทย พร้อมชมนิทรรศการชุดไทยพระราชนิยมฉลองพระองค์ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ตั้งแต่วันนี้ – 29 มิถุนายน 2568 ณ ICONLUXE AVENUE, ICONSIAM ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง Facebook: SIAM PIWAT และ ICONCRAFT
#UNESCO #SACIT #ICONCRAFT #ผ้าไทย