27 พฤศจิกายน 2568 จังหวัดปราจีนบุรี – องค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี (อบจ.) ร่วมกับ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร และวิทยาลัยการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร จัดงาน “ไหว้ครูแพทย์แผนไทย” โดยปีนี้ถูกยกระดับให้เป็น “เวทีรวมพลังจังหวัด” เพื่อขับเคลื่อนปราจีนบุรีสู่ เมืองสมุนไพรต้นแบบของประเทศ และวางรากฐาน คลัสเตอร์อุตสาหกรรมสมุนไพร ตั้งแต่ต้นน้ำ–กลางน้ำ–ปลายน้ำ ผ่านการบูรณาการขององค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี, สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด, โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร, มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร และวิทยาลัยการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร โดยงานดังกล่าวจัดขึ้นที่ หอประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี

งานครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) “พระบิดาแห่งการแพทย์แผนไทย” ด้วยพระมหากรุณาธิคุณและพระราชวิสัยทัศน์ในการฟื้นฟูส่งเสริมการแพทย์แผนไทยตั้งแต่อดีตมาจนปัจจุบัน ทำให้ปัจจุบัน การแพทย์แผนไทยไม่ได้เป็นเพียงศาสตร์ดั้งเดิมที่สืบทอดมาหลายร้อยปี แต่จะกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานใหม่ ของระบบสุขภาพและระบบเศรษฐกิจไทย ตั้งแต่การดูแลผู้ป่วย การสร้างงานในชุมชน ไปจนถึงการต่อยอดสู่การวิจัยและอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่มีมูลค่าสูง

น.ส.นภาภัช อัญชสาณิชมน นายก อบจ.ปราจีนบุรี กล่าวว่า “สืบเนื่องจาก จ.ปราจีนบุรี มีผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองสูงเป็นอันดับต้นของเขตสุขภาพที่ 6 การที่ทีมแผนไทยจาก รพสต. ที่ถ่ายโอนมาอยู่กับ อบจ. ได้ลงพื้นที่ให้บริการถึงบ้านจึงเป็นทางรอดสำหรับผู้ป่วยจำนวนมากที่ไม่สามารถเดินทางไปโรงพยาบาลได้ทันเวลา ช่วยลดภาวะพิการ และทำให้ผู้ป่วยกลับสู่ชีวิตปกติได้เร็วขึ้น รูปแบบการบริการดูแลผู้ป่วยถึงบ้านเช่นนี้ทำให้ แพทย์แผนไทยไม่ได้เป็นเพียงการรักษาในโรงพยาบาลอีกต่อไป แต่กลายเป็นรากฐานแรกของระบบสุขภาพที่เชื่อมโยงไปถึงระดับครัวเรือน และเป็นกลไกสำคัญที่กระตุ้นการใช้สมุนไพรพื้นฐานในชุมชนได้ ซึ่งเป็นต้นทางของการพัฒนาอุตสาหกรรมสมุนไพรในจังหวัด”

พญ.อรรัตน์ จันทร์เพ็ญ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปราจีนบุรี กล่าวถึง แนวคิดมุ่งเน้นการเสริมพลังประชาชนให้ดูแลสุขภาพด้วยตนเองว่า “ในยุคที่เทคโนโลยีชะลอวัยกำลังเติบโต มีการนำเข้าเครื่องมือสุขภาพราคาแพงจำนวนมากแต่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงได้ แพทย์แผนไทยจึงเป็นสมดุลใหม่ของระบบสุขภาพไทย ที่ดูแลง่ายเข้าถึงได้ และลดค่าใช้จ่ายได้จริง การขยายการใช้ยาสมุนไพรในโรงพยาบาล รวมทั้งการสร้างความรู้สุขภาพในระดับชุมชน จึงเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้จังหวัดสร้างความเข้มแข็งจากพื้นฐานในระบบครัวเรือน ชุมชน และไปสู่ระดับสังคมได้“

ขณะที่ พญ.วลีรัตน์ ไกรโกศล ผอ.รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า “ในฐานะที่โรงพยาบาลเป็นผู้นำด้านการแพทย์แผนไทยของประเทศ เราทำหน้าที่เป็นศูนย์กลาง ระดับกลางน้ำของระบบสมุนไพรไทย และยังเป็นโรงพยาบาลแรกที่ให้บริการแพทย์บูรณาการจำนวน 8 สาขา และ ตั้งเป้าเตรียมขยายเพิ่มเติมในปี 2569 เช่น การดูแลโรคสะเก็ดเงิน ด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทยร่วมกับแพทย์ผิวหนัง และการพัฒนาระบบยาสมุนไพรที่มีคุณภาพ ส่วนในด้านงานวิจัยเรามีการทำงานร่วมกับ มูลนิธิ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร เพื่อเร่งนำมาใช้ให้ตอบโจทย์สังคมผู้สูงอายุ ได้แก่ อิมัลเจลจากต้นกระดูกไก่ดำ บรรเทาอาการข้อเข่าเสื่อม ยาเพชรสังฆาตแคปซูล ช่วยลดการสลายตัวของมวลกระดูกในผู้สูงอายุ งานวิจัยเหล่านี้ไม่เพียงสร้างหลักฐานเชิงวิชาการ แต่ยังมีศักยภาพในการพัฒนาสู่ผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรมได้อย่างแท้จริง”

ด้านภาคีเครือข่าย ดร.ภญ.สุภาภรณ์ ปิติพร เลขาธิการ มูลนิธิฯ เปิดเผยว่า “อภัยภูเบศรเรามี Champion Product อยู่ 3 ผลิตภัณฑ์ ที่จะนำมาใช้ในสังคมผู้สูงอายุ เพื่อลดการนำเข้าของยาจากต่างประเทศ ได้แก่ “อิมัลเจลจากสารสกัดกระดูกไก่ดำ” (มัสคูลอิมัลเจล) ที่มีการควบคุมสาร vitexin ขณะนี้กำลังทำวิจัยทางคลินิกในผู้ป่วยข้อเข้าเสื่อมเปรียบเทียบกับยาแผนปัจจุบัน “ตำรับกลีบบัวแดง” สำหรับผู้ป่วยภาวะความจำบกพร่องเล็กน้อย (MCI) โดยใช้นวัตกรรมการติดตามผลด้วยตัวบ่งชี้ทางชีวภาพ (biomarkers) ในเลือด ซึ่งจะช่วยอธิบายกลไกการต้านอัลไซเมอร์ในระดับโมเลกุลได้อย่างแม่นยำ รวมถึง “แคปซูลเพชรสังฆาต” ที่มีการทำงานร่วมกับคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มามากว่า 10 ปี ในด้านการควบคุมการปลูก-การเก็บเกี่ยวให้ได้สารสำคัญสูง การวิจัยในหญิงวัยหมดประจำเดือนที่มีภาวะกระดูกบาง จนกระทั่งปัจจุบันนำมาใช้ในโรงพยาบาล และทางมูลนิธิฯ มีแผนจะนำผลิตภัณฑ์เพชรสังฆาตไปขึ้นทะเบียนในปีหน้าเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงยาได้สะดวกยิ่งขึ้น”

ภก.บุญมี โพธิ์คำ ผู้อำนวยการวิทยาลัยการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร กล่าวว่า “ในส่วนของวิทยาลัยการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร ก็เป็นอีกมิติที่ทำหน้าที่เป็นหน่วยผลิตบุคลากรด้านการแพทย์แผนไทย ส่งเสริมให้ อสม. และประชาชนทั่วไปมีความรู้เรื่องการใช้สมุนไพรและการแพทย์แผนไทยให้ถูกต้อง พร้อมทำงานวิจัยและบริการวิชาการควบคู่กัน การมีสถาบันผลิตกำลังคนครบวงจรในจังหวัดถือเป็นทรัพยากรเชิงยุทธศาสตร์ที่ทำให้เมืองสมุนไพรยั่งยืนได้จริง ซึ่งในปี 2569 วิทยาลัยมีแผนการที่จะจัดอบรมเพื่อเสริมศักยภาพด้านการนวดไทย ให้เกิดการบริการที่ปลอดภัย และต่อยอดไปสู่การวิจัย ซึ่งวิทยาลัยฯ มีแผนจะจัดประชุมวิชาการ ร่วมกับโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ในการเผยแพร่องค์ความรู้ด้านนวดไทย ทั้งในมิติตามองค์ความรู้ดั้งเดิมที่เกี่ยวข้องกับลมและเส้น และ มิติด้านวิทยาศาสตร์ ผ่านการวิจัยด้านนวดไทย”

ทั้งนี้ ภายในงานยังมีนิทรรศการจากหลายหน่วยงาน เพื่อแสดงถึงศักยภาพด้านการแพทย์แผนไทย อาทิ การบูรณการด้านการแพทย์แผนไทย และ การส่งเสริมสุขภาพเวลเนสแผนไทยของโรงพยาบาลฯ นิทรรศการโรงเรียนปลอดบุหรี่ การสาธิตยาพอกเข่าแก้ปวด การฟื้นฟูสุขภาพมารดาหลังคลอด การฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง และ นิทรรศการอาหารเป็นยา พันธุ์สมุนไพรเกษตรอินทรีย์ และ ครูแผนไทย นอกจากนี้ ยังมีไฮไลต์สำคัญ คือ การมอบต้นพันธุ์สมุนไพรจำนวนกว่า 500 ต้นให้แก่ รพ.สต.ในจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อนำไปปลูกเป็นแปลงสมุนไพรใช้ในตำรับยาพื้นฐาน ช่วยลดรายจ่ายด้านยา และสร้างแหล่งวัตถุดิบปลอดภัยในระดับชุมชนต่อไป

#ปราจีนบุรีผนึกกำลัง5ภาคี #เดินหน้าสร้างเมืองสมุนไพร #เมืองสมุนไพรต้นแบบของประเทศ #โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร #มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร