คปภ. จับช่วง7 วันอันตรายของปีนี้รถจักรยานยนต์ครอบแชมป์ที่จะพบกับการทำประกันภัย พ.ร.บ. 46%

  • ผู้เขียน กปภ. ย้ำเจ้าของรถหรือผู้มีสิทธิครอบครองรถทุกคันอย่าลืมว่าจะต้องทำอะไรประกันภัย พ.ร.บ. ฝ่าฝืนไม่ไปก่อนการประกันภัย พ.ร.บ. สูงสุดโทษปรับสูงสุดไม่เกิน10,000 บาท พร้อมยังเชิงเชิงรณรงค์ให้รถทุกคันทำประกันภัย พ.ร.บ. ทั่วประเทศ

ด.ช.สุทธิพล ทวีชัยการ แนะนำให้กำชับเรื่องและส่งเสริมการประกันภัย (อธิบาย กปภ.) เตือนให้หน่วยงาน กปภ. หน่วยงานกำกับดูแลด้านความเสี่ยงของอุตสาหกรรมประกันภัยและข้อกำหนดสำหรับคณะกรรมการด้านความปลอดภัยทางถนนได้บทเรียนการป้องกันและแผนบรรเทาสาธารณภัย เพื่อจัดทำแผนอุบัติเหตุทางถนน ถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์มาเนื่องในวันเทศกาลสงกรานต์มีพี่น้องประชาชนเดินทางท่องเที่ยวและตามภูมิลำเนาพบปะสังสรรค์มิตรเพื่อรดน้ำดำหัวตามประเพณีสงกรานต์ก็ขอให้ใช้รถใช้ถนนให้ได้ ซึ่งจะทำให้ร้านค้าแคป ภ.มาตรการแรกสำหรับขับขี่มอเตอร์ไซค์เพื่อรณรงค์คือลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์กับศูนย์ปฏิบัติการร่วมซึ่งลดอุบัติเหตุทางถนนที่เริ่มต้นขึ้น รวมกลุ่มความร่วมมือและเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประกันภัยกับหน่วยงานของกรมมาตรฐานที่จะประเมินสาธารณภัย (ปภ.) และเชื่อมโยงเครือข่ายที่เกี่ยวข้องกับมาตรการที่2กลุ่มตัวอย่างจะตรวจเยี่ยมทุกครั้งที่มีศูนย์ปฏิบัติการร่วมทำกิจกรรมลดอุบัติเหตุทางถนน ณ จุดตรวจร่วม/จุดบริการร่วม ซึ่งจะมีการประสานและประชุมกับเครือข่ายประกันภัยในพื้นที่เพื่อเฝ้าระวังและสนับสนุนข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับการประกันภัย การจัดการสินไหมทดแทนให้ กับประชาชนด้วยเหตุนี้หรือความจำเป็นที่จะต้องได้รับการเยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบภัยประกันภัย และ/หรือร่วมตั้งศูนย์บริการประกันภัย ช่วงวันที่ 7 วันอันตรายต่อไปนี้ 11 – 17 เมษายน 2566 เพื่ออำนวยความสะดวกในการให้บริการข้อมูลและให้ คำปรึกษาประกันภัย

มาตรการที่ 3ประชาสัมพันธ์กลุ่มบริษัทประกันภัย แฮปปี้สงกรานต์ (ไมโครอินชัวรันส์) เบี้ยประกันภัย 10 บาท เพื่อหาช่องทางการจำหน่าย คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลสูงสุด 100,000 บาท (ระยะเวลาเอาประกันภัย 30 วัน) และคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลสูงสุด 5,000 บาท ในช่วงอายุการรับประกันภัยตั้งแต่ 15 – 70 ปีนับจากวันที่ทำประกันภัย ระยะเวลาทำสัญญาประกันภัยวันที่ 1 เมษายน 2566 ถึงวันที่ วันที่ 31 พฤษภาคม 2566 ผู้เอาประกันภัยแต่ละรายมีสิทธิที่ได้รับจากอาสาสมัครประกันภัยจากผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการเพียง 1 คอมเพรสเซอร์ต่อผู้ประกอบการ 1 รายล้อมมาตรการที่  4ประชาสัมพันธ์ประกันภัยประกันภัย สงกรานต์ บ้านหายห่วง (ไมโครอินชัวร์รันส์) เบี้ยประกันภัย 10 บาท ค้นหาช่องทางการจำหน่าย รายชื่อบุคคลที่บริษัทประกันภัยที่เข้าร่วม และสาขาบริษัทประกันภัยที่รับประกันภัยในพื้นที่หรือเงื่อนไขการรับประกันภัย ครอบคลุมอุบัติเหตุสูงสุด 30,000 บาท (ระยะเวลาการเอาประกันภัย 30 วัน) และการคุ้มครองโจรกรรม 5,000 ระยะเวลาทำสัญญาประกันภัยตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 ถึง 31 พฤษภาคม 2566 ผู้เอาประกันภัยแต่ละรายจะได้รับโอกาสในการรับประกันภัยจากผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการเพียง 1 วิทยากรต่อผู้ประกอบการ 1 รายล้อมมาตรการที่ 5เนื้อหาการรณรงค์และประชาสัมพันธ์ผ่านประเพณีท้องถิ่น และ/หรือชุมชนกระจายเสียง ซึ่งจะช่วยให้ทุกคนในพื้นที่และประชาสัมพันธ์สอดแทรกการเล่าเรื่อง อาสาสมัครกลุ่มประกันภัยแฮปปี้สงกรานต์ รันส์) เบี้ยประกันภัย 10 บาท การประกันภัยรถยนต์ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองความคุ้มครองจากรถ พ.ศ. 2535 รวมถึงการรณรงค์ดื่มไม่ขับรณรงค์ให้ใช้รถยนต์คาดเข็มขัดนิรภัยและรณรงค์ให้รถจักรยานยนต์สวมหมวกนิรภัยโดยเฉพาะ

มาตรการที่ 6ช่องทางการประชาสัมพันธ์ที่จะเข้าถึงธุรกิจของ คปภ. ให้สายด่วนคปภ. 1186 โดยระนองขอให้แจ้งหมายเลขสำหรับผู้สูงอายุผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น ประชาสัมพันธ์องค์กรต่างๆ

ทั้งนี้จากข้อมูล ในช่วง 7 วันอันตราย (ระหว่างวันที่ 11 – 17 เมษายน 2566) มีประชาชนใช้บริการผ่านสายด่วน คปภ. 1186 เป็นจำนวนมาก โดยประเด็นหารือที่ประชาชนสอบถามเข้ามามากที่สุด 5 อันดับ ประกอบด้วย อันดับแรกตรวจสอบและสอบถามเงื่อนไขความคุ้มครองประกันภัยรถภาคบังคับ อันดับที่ 2 ขอคำปรึกษาเกี่ยวกับใบอนุญาต/สมัครสอบ/อบรม/การขอรับใบอนุญาตนายหน้าประกันภัย อันดับที่ 3 ตรวจสอบและสอบถามเกี่ยวกับประกันภัยรถภาคสมัครใจ อันดับที่ 4 ต้องการร้องเรียนด้านประกันภัย และอันดับที่ 5 ขอคัด ตรวจสอบ และติดตามกรมธรรม์ประกันภัย

มาตรการที่ 7 กรณีเกิดอุบัติเหตุรายใหญ่ สำนักงาน คปภ.ภาคและจังหวัด พร้อมลงพื้นที่โดยทันทีเพื่อติดตามช่วยเหลือและตรวจสอบด้านการประกันภัยเบื้องต้นว่ามีผู้ประสบภัยจากรถมีการทำประกันภัยไว้กับบริษัทประกันภัยใด  ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเข้ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาล ประสานผู้ประสบภัย ทายาทผู้ประสบภัย และบริษัทประกันภัยที่เกี่ยวข้องเพื่ออำนวยความสะดวกและเร่งติดตามให้มีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว นอกจากนี้ยังได้บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานในศูนย์ปฏิบัติการร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนที่จังหวัดจัดตั้งขึ้นในพื้นที่ เช่น สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตำรวจ สำนักงานขนส่งจังหวัด รวมทั้งภาคอุตสาหกรรมประกันภัย สมาคมประกันวินาศภัยไทย สมาคมประกันชีวิตไทย สาขาบริษัทประกันภัย เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติมผ่าน Platform การรายงานข้อมูลกรณีอุบัติภัยกลุ่มหรือรายใหญ่ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ว่าผู้ประสบภัยได้มีการทำประกันภัยประเภทอื่น ๆ ไว้ด้วยหรือไม่ หากตรวจสอบพบว่าผู้ประสบภัยมีการทำประกันภัยประเภทอื่น ๆ เพิ่มเติมอีก จะได้ประสานบริษัทประกันภัยเพื่อช่วยติดตามการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อไป

มาตรการที่ 8  สั่งการให้สำนักงาน คปภ. ภาค 1-9 ติดตามและรายงานความเสียหายด้านประกันภัยที่เกิดขึ้นในช่วง 7 วันอันตราย (ระหว่างวันที่ 11 – 17 เมษายน 2566) ทั้งนี้จากการรวบรวมข้อมูลสถิติอุบัติเหตุทางถนนในช่วงการรณรงค์ 7 วันแห่งความปลอดภัยช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566 ของศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) พบว่า เกิดอุบัติเหตุรวม 2,203 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 264 ราย ผู้บาดเจ็บ 2,208 ราย โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงราย (68 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (22 ราย) และจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (70 คน) จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต 2 จังหวัด คือ พัทลุง พังงา

สำหรับการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนด้านการประกันภัย สำนักงาน คปภ. ได้รับรายงานจากสำนักงาน คปภ. ภาค 1-9 ณ วันที่ 18 เมษายน 2566 มีการจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นและค่าสินไหมทดแทน จำนวน 70 ราย เป็นจำนวนเงิน 3,368,508 บาท เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 มีการจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นและค่าสินไหมทดแทน จำนวน 139 ราย เป็นจำนวนเงิน 5,145,145 บาท จึงได้สั่งการให้บริษัทประกันภัยเร่งประเมินความเสียหายและจ่ายค่าสินไหมทดแทนด้วยความรวดเร็วเพื่อให้ระบบประกันภัยเป็นเครื่องมือที่ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน

นอกจากนี้ยังพบว่ามีรถจักรยานยนต์เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ร้อยละ 75.25 และในจำนวนรถจักรยายนต์ที่เกิดอุบัติเหตุมีร้อยละ 53.47 ที่ทำประกันภัย พ.ร.บ. ภาคบังคับ และร้อยละ 46.53 ที่ไม่ได้ทำประกันภัย พรบ. ภาคบังคับ ซึ่งตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่ายังมีรถที่อยู่นอกระบบการประกันภัย พ.ร.บ. อีกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ายังมีเจ้าของรถจำนวนมากที่ยังขาดความเข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญของการมีประกันภัย พ.ร.บ. เพื่อนำไปเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงภัย หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นจากการใช้รถใช้ถนน

“สำนักงานกปภ. ขอแสดงความห่วงใยและฝากเตือนถึงเจ้าของรถหรือผู้ครอบครองรถทุกคันด้วย ซึ่งไม่ต้องแจ้งให้ทราบถึงการประกันภัย พ.ร.บ. ฝ่าฝืนไม่ไปก่อนการประกันภัย พ.ร.บ. โทษปรับสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท หรือหากผู้ใช้รถไม่ได้ทำประกันภัย พ.ร.บ. โทษปรับสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท สำหรับทั้งเจ้าของรถที่ไม่ได้ทำประกันภัย พ.ร.บ. และไม่ว่าอะไรก็ตามนั้นออกไปใช้เองมีความผิดทั้ง 2 ข้อหาต้องได้รับโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท ดังนั้น อปพร. ฝ่ายตรงข้ามเป็นฝ่ายรณรงค์เชิงอนุรักษ์ให้รถทุกคันทำประกันภัย พ.ร.บ. ทั่วประเทศจะมีมากกว่านี้สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมด้านประกันภัย ติดต่อสายด่วน คปภ. 1186” ผู้เขียน กปภ. กล่าวในตอนท้าย